ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไปเที่ยว รีโซเทลแก่งละว้า (River Kwai Resotel) รีสอร์ทกลางป่ากันเถอะ



          ท่าเทียบเรือลูกค้ารีสอร์ทรีโซเทล






    แพสำหรับพักผ่อน มุมนี้น่านอนเล่นจริงๆ


เมื่อเดือนมีนาคม ได้มีโอกาสไปเที่ยว รีสอร์ทกลางป่ากลางเขา(จริงๆ)เลยเก็บรูป เก็บเรื่องราวมา ชวนให้ไปลองพักผ่อนที่นั่นดู เส้นทาง ไทรโยค-ทองผาภูมิ ผ่านไทรโยคน้อยไปสักระยะ จะมีทางเลี้ยวซ้ายต้องสังเกตป้ายเอาหน่อย เข้าไปพอสมควรจะไปจอดที่บริเวณท่าแพ เพราะต้องลงเรือต่อ แค่นี้ก็น่าทึ่งแล้วตื่นเต้นดี ไม่ต้องรอนานก็ได้นั่งเรือตะลุยฝ่าสายน้ำแคว เราล่องฝ่าสายน้ำขึ้นไป สองข้างทางเป็นภูเขา ฝั่งขวาที่นั่งไปไม่ค่อยมีต้นไม้ แต่ฝั่งซ้ายเป็นธรรมชาติเลย รีสอร์ทรีโซเทลแก่งละว้า ก็อยู่บนเขานี่แหล่ะ ที่จริงมีทางเข้าอีกทาง ไม่รู้ด้านไหนหน้าหรือหลังรีสอร์ท แต่ที่เห็นๆนิยมมาทางเรือกันมากกว่า เพราะไม่ทันทิ้งระยะ เดี๋ยวก็มีเรือวิ่งตามกันมา อาจจะมาจากท่าแพจุดอื่นๆบ้าง บ้างก็ไปพักที่อื่นคือเรือเลยจุดรีสอร์ที่นี่ไป แสดงว่าใกล้ๆกันหรือห่างออกไปยังมี ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวอีกมาก



                                    โคมไฟส่องทางเดิน

ถึงที่ท่าแพท่าเรือก็ลากกระเป๋าเช็คเอาท์กัน พอขึ้นฝั่งแล้วไปยืนบนฝั่งที่ระเบียงทางเดินมองลงมา









 ระเบียงเลียบแม่น้ำ มุมนี้ต้องถ่ายรูป



        เรือนักท่องเที่ยวที่วิ่งผ่านไปมาตลอด





           ระเบียงนั่งพักผ่อนเล็กๆชั้นสอง 
     ของเคาท์เตอร์อยู่ติดทางเดินเลียบแม่น้ำ





โอ้โห!สวยมากแม่น้ำเป็นทางสายยาวไหลอยู่ข้างล่าง มีเรือวิ่งพานักท่องเที่ยวผ่านไปมาเป็นระยะ จุดนี้ถ่ายรูปกันได้สบายๆหลายมุม ทั้งทางเดิน ฉากหลังเป็นภูเขา เบื้องล่างเป็นสายน้ำ ยิ่งบรรยากาศตอนเช้ามาเดินถ่ายรูปกันเพลินเลย



               
 หาเวลาที่มีอยู่น้อยนิด มาแอบนั่งเสก็ตมุมที่ชอบ





   นี่ก็อีกมุม เย็นมากแล้วต้องรีบวาดก่อนจะค่ำ



มองถัดลงไปจากด้านบน เลยจากจุดที่ขึ้นจากเรือ เป็นแพขนาดใหญ่มีเตียงนอนเล่นหลายเตียง มองผ่านๆก็เฉย แต่ถ้าลงไปยืนที่แพแล้วเป็นเรื่องเลย โดยเฉพาะตอนเช้าๆ มันน่ามาเอนหลังนอนพอเคลิ้มๆข้างหน้าภูเขาเต็มๆตา ทำสายตาได้มองสำรวจอะไรๆเพลินตาเพลินใจ มองต่ำลงมาสายน้ำที่ไม่หลับไหล ไหลเอื่อยๆเหมือนล่องลอยอยู่ท่ามกลางผืนน้ำ ภูเขา สายน้ำ ท้องฟ้า เฮ่อ! มีเวลาสักช่วงยาวๆ ได้นอนชมธรรมชาติแบบใกล้ๆตัวแค่นี้ก็เต็มอิ่มแล้ว ที่เสียดายก็เพราะ มีเวลามาพักกันแค่หนึ่งคืนเท่านั้นเอง




              อาคารต้อนรับมองอีกมุมหนึ่ง





                         นี่ก็อีกด้าน มองจากด้านล่างขึ้นไป






บรรยากาศภายใน ห้องอาหารเข้ากับธรรมชาติดี




        พนักงาน ส่วนใหญ่น่าจะเป็นชาวมอญ




       มองออกจากตัวอาคารมีบันไดทางนี้เดิน
            ไปห้องสัมมนา ไปถ้ำละว้าได้







   บ้านพักแต่ละหลัง ตามขนาด ราคาให้เลือก



      บ้านหลังใหญ่ หลังนี้ แค่นอนอ่านหนังสือ หรือนอนเล่นบนระเบียงก็มีความสุขแล้ว




          หลังเดียวกันกับภาพบน



ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 83 ห้อง(ไม่แน่นอนประมาณนี้) ออกแบบเข้ากับธรรมชาติ สร้างเป็นกระท่อม มุงด้วยแฝก บังกะโลสไตล์ชาเล่ต์(เขาว่าอย่างนั้น)สลับด้วยเรือนไม้ เรียบง่าย ด้วยใช้วัสดุจากไม้เป็นหลัก เรียบง่ายไม่ขัดตา เพราะถ้าอาคารเป็นปูนก็จบเลยมันไปทำลายธรรมชาติ ที่พักมีทั้งหลังเดี่ยว และหลังใหญ่รวม3ห้องในหลังเดียวกัน ห้องพักมีเครื่องอำนวยความสะดวก เครื่องปรับอากาศ,โทรทัศน์, ฝักบัว, ระเบียง,ชานเรือน, โทรทัศน์ (เคเบิล) ไว้ให้อีกทั้งการมี บาร์/ผับ, ห้องประชุม(แยกออกไปจากตัวที่พัก), ร้านอาหาร มีบริการนวดสปาด้วย ,







              สระน้ำมองลงมาจากล็อบบี้ 
ด้านหลังเป็นสายน้ำเข้ากับธรรมชาติ สบายตาจัง



สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ของโรงแรม แต่เล็กไปหน่อย ขนาดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เห็นๆ สระไม่พอบริการ อันนี้ขอติง แต่สระถ้ามองลงมาจากตัวล็อบบี้ชั้นสอง สวยมากฉากหลังเป็นบรรยากาศธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมหลายๆแบบในบริเวณที่พักและที่ใกล้เคียง มีจักรยานเสือภูเขาน่าจะมีขนาดของเด็กด้วยจะดีเลย เด็กเล็กเลยหมดสนุก มีล่องแพ พายเรือแคนู ขี่ช้างท่องไพร เดินป่า ดูนก ตกปลา และ ชมพืชพรรณธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวมอญ ฯลฯ พวกนี้ไม่ได้ใช้บริการเลยเพราะเวลาน้อย แต่มีโอกาสได้ไปชมถ้ำละว้า แต่ขอบอกอากาศร้อนมากถ้ามาช่วงเดือนนี้









   แผนที่ ทางไปถ้ำละว้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตวชิราลงกรณ์





   บริเวณอุทยาน ที่ทางเดินขึ้นเขาเข้าปากถ้ำ




                 
         ปากทางเข้าถ้ำ ทางลงไม่ลึกมาก


                     
                ผังรูปร่างภายในถ้ำ จากปากทางเข้าจนสุดทาง






             
        มีแท่นพระบูชาให้กราบไหว้








   ลงมาก็เห็นค้างคาวเกาะอาศัยอยู่ใกล้หัวเลย









แต่สำหรับคนจะเที่ยวซะอย่าง ไม่มีปัญหาเด็ก 4-5 ขวบยังเดินเที่ยวได้สบาย มีบ่นนิดหน่อย ภายในถ้ำก็แบ่งเป็นหอ้ง 4-5 ห้องได้ ก็สวยไปอีกแบบสำหรับคนเคยเที่ยวถ้ำบ่อยๆก็ดูเพลินๆ ไม่ลึกมากนัก มีเจ้าหน้าที่อาสาพาเดินชมอธิบาย แต่ห้องให้ฟังได้ความรู้ด้วย ตัวถ้ำอยู่ในเขต
ของอุทยานแห่งชาติไทรโยค ห่างจากริมน้ำ ขึ้นไป บนเขา 50 เมตร เดินจากตัวรีสอร์ตไปไม่ไกลไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ก็ถึงอุทยาน แต่ต้องเดินขึ้นไปบนเขาอีก ปากถ้ำแคบ แต่ภายในกว้างใหญ่โตมาก ถ้ำลึกประมาณ 450 เมตร แบ่งเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องหนุมาน(ห้องที่สาม) เข้าว่าหินงอกรูปเหมือนลิง แล้วแต่สายตาคนมอง ห้องท้องพระโรง ห้องดนตรี




     ห้องนี้แหล่ะที่นักท่องเที่ยว เคาะฟังเสียงกังวานของหินงอกหินย้อยได้



ห้องนี้จะมีหินย้อยลงมาให้นักท่องเที่ยวลองเคาะฟังเสียงดูจะมีเสียงดังกังวาลไม่ทึบเสียงคล้ายโลหะ เลยตั้งชื่อตามลักษณะของห้องนั้นๆ(ไม่รู้ว่าเคาะบ่อยๆจะไปทำลายธรรมชาติหรือเปล่านะ) และห้องจระเข้(ห้องที่สี่) แต่ละห้องมีหินงอก หินย้อย สวยงามแตกต่างกันไป





                 บรรยากาศแสงสีแต่ะห้อง











           เด็กๆยังสนใจมาเที่ยวถ้ำกันเลย 
         ซักถามเจ้าหน้าที่กันสนุกสนานเลย





          บนเพดาน มองเห็นร่องรอยหยดน้ำ 
ไหลมาจนเป็นรูปพระเป็นที่มาของชื่อห้องของถ้ำนี้






                               

 แมลงเล็กๆที่อาศัยในถ้ำ ที่เห็นนี่คือจิ้งหรีดหนวดยาว







             เดินกลับขึ้นสู่ปากถ้ำ



เขาถ้ำนี้ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2496 โดยนายพรานที่ชื่อ ผิน ดอกเข็ม ได้ตามล่าเม่นที่บาดเจ็บเข้ามาในถ้ำนี้ ความบังเอิญจึงพบถ้ำนี้ขึ้น(จะเท็จจริงยังไงใครมีโอกาสได้ไปลองถามเจ้าหน้าที่ที่นั่นดู)ยังมีข้อมูลว่าภายในถ้ำมีวัตถุโบราณมีโครงกระดูกมนุษย์หลงเหลืออยู่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้พาไปดู เลยไม่มีภาพถ่ายมาให้ดู นอกจากถ้ำสวยๆที่ได้ดูแล้วถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่คอยบอกให้สังเกตจะไม่รู้ว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ในถ้ำด้วย เช่นจิ้งหรีดหนวดยาว แมงป่อง กบ เข้าใจว่าสัตว์ที่อยู่ในถ้ำคงสายตาไม่ดีหรือไม่ก็อาจตาบอดเลยก็ได้ เพราะแสงในถ้ำน้อยอยู่แล้ว ใช้เวลาอยู่ในถ้ำไม่นานมากนักก็ออกจากถ้ำกลับสู่ที่พัก
         ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งแยกไปดูวิถีธรรมชาตของชาวมอญ เลยไม่รู้ว่าน่าสนุกขนาดไหน เห็นบ่นๆมีแต่ของขาย อันนี้แล้วแต่คนมอง คนเที่ยว ไม่วิจารณ์เพราะไม่ได้ไปเห็นกับตา กลับมาพักผ่อนว่ายน้ำกัน ตกค่ำมีเลี้ยงกันที่ลานสนามหญ้า ที่นี่เขามีแคมป์ไฟด้วยนะ แต่ยุงมากไปหน่อยมีสเปรย์กันยุงเตรียมพร้อม แล้วเอร็ดอร่อยกับอาหารหลากหลายชนิด แน่นอนขาดไม่ได้ก็ต้องไส้อั่วคุณนงเยาว์ กินแล้วรู้เลยว่าใช่ ขากลับก็เลยต้องแวะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน ลูกสาวไม่รู้คนที่เท่าไหร่ของแม่นงเยาว์ เป็นข้าราชการอยู่กระทรวงพาณิชย์ แต่ตอนนี้ไปอยู่ที่เยอรมันอีก2-3ปีก็กลับมาเมืองไทย



ภาพล้อลูกสาวแม่นงเยาว์ เจ้าของไส้อั่วชื่อดังของเมืองกาญจฯ ตากับติ่ง เจ้าสาวกับเจ้าบ่าว





วันแต่งงานก็วาดภาพล้อเป็นของขวัญให้ เวลามาเมืองกาจญฯทีไรก็ต้องเลยแวะซื้อทุกที่ ขอแนะนำเลยว่าไม่ผิดหวัง








         รำมอญ หรือ ระบำมอญแล้วแต่เรียก





มื้อค่ำก็จบลงด้วยการแสดง รำมอญ ที่สวยงามบนเวที มีสี่ชุดด้วยกัน รุ่งเช้าก็ร่ำลากลับ คราวหน้าจะหาเวลามาพักให้นานกว่าอีก
แนะนำเลยว่าไม่ผิดหวัง วิวรีสอร์ทให้คะแนน 85-90% อาหาร 75% สนใจก็ลองติดต่อโทร.0 2642 5497, 08 1734 5238,  ที่อยู่ก็ 55 หมู่ 5 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150 ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนที่นี่ครับ








                 ได้เวลากลับแล้วครับ 
        โอกาสหน้าจะแวะมาอีก บ๊ายบาย!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น